Diary

Optimus Has Fallen  VS  White House Down

ความเหมือนที่แตกต่าง




        ไม่รู้ว่าปีนี้ทางฮออลีวู้ดมีปัญหาอะไรกับสถานที่แห่งนี้ถึงขยันมาถล่มกันทุกปี แต่ปีนี้แปลกยิ่งกว่าคือ มาถล่มกัน 2 รอบในหนึ่งปี!!! สถานที่แห่งนี้คือ while house หรือทำเนียบรัฐบาลของสหรัฐนั้นเอง ตามปกติหนังฟอร์มยักษ์จำพวกวินาศสันตะโร จะมาถล่มสถานที่สำคัญแห่งประเทศที่ถูกยก(หรือคิดไปเอง)ว่าเป็นตำรวจของโลกอย่างสหรัฐฯ ซึ่งในปีนี้ก็ไม่รู้ว่าทางค่ายสร้างหนังไม่ได้ตกลงกัน หรือจงใจสร้างหนังที่มีพล็อตเรื่องคล้ายกันเช่นนี้ 
      โดยเนื้อเรื่องของหนังทั้ง 2 อย่าง Optimus Has Fallen และ While House Down ก็เกี่ยวกับกลุ่มผู้ไม่หวังดี(ไม่อยากสปอยสำหรับคนไม่ได้ดู) คิดจะเข้ามาถล่ม While House ให้ย่อยยัยและเป็นธรรมดาที่พระเอกจะเข้าไปอยู่พอดี (บังเอิญไปไหน แต่ก็นะมันเป็หนังคิดอะไรมากมาย 5555) เนื้อเรื่องหลักๆก็เป็นแบบนี้แหละ
     คราวนี้ก็ลองมาเปรียบเทียบกันดูดีกว่าว่าทั้งสองเรื่อง ใครดีกว่ากัน!!!

1 เนื้อเรื่อง : ถ้าให้พูดกันตรงๆคงให้เป็น เสมอ เพราะดูแล้วๆมันก็มาตามฟอร์มหนังบู๊ล้างผลาญแท้ๆ ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง หรือหักมุมอะไรมากมาย เน้นขายบันเทิง

2 ตัวบท : ด้วยความชอบส่วนตัวนะ ผมให้ Optimus Has Fallen ชนะไป ด้วยความตัวหนังสื่อออกมาดูเถื่อนๆนิด ต่างจาก While House Down ที่ไปเน้นที่ความรักของพ่อลูกซะมากกว่า

3 นักแสดง : สำหรับผมแล้วผมให้ While House Down ชนะไป ถึงแม้ Optimus Has Fallen จะมีมอร์แกน ฟรีแมน ที่ผมชอบมากก็เถอะ แต่สำหรับเรื่องนี้พี่แกก็ไม่ได้เด่นมากเท่าไหร่รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ มีเพียงพระเอกจาก GAMER อย่าง Gerard Butler ฉะเดี่ยวๆตลอดทั้งเรื่องไป ซึ่งผิดจาก While House Down ที่ได้นักแสดงที่สมมารถดึงดูดผู้ชม(สำหรับบางคนมั่ง)อย่าง Channing Tatum และ Jamie Foxx มาช่วยทำให้หนังมีสีสันมากยิ่งขึ้น

4:เอฟเฟค : คงปฎิเสธไม่ได้ว่าหนังทำลายล้างแบบนี้ต้องมีทุนสร้างเพื่อให้ได้ฉากที่ออกมาตระการตามากที่สุด ซึ่งสำหรับข้อนี้คงต้องยอมให้ While House Down ชนะ  ผู้กำกับ Roland Emmerich ที่พี่แกคงมีความหลังฝังใจกับที่นี้มากจริงๆ ถึงมาถล่มทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าเป็น ID4(อันนี้กระจุย!) The Day After Towmorow และ 2012(อันนี้ลามปามลากเรื่อ John F Kennedy ถ้าจำไม่ผิดนะ มาทับมันซะ!)  ซึ่งดูจากผลงานที่ผ่านมา รวมถึงทุกสร้างที่ได้มามากกว่า Optimus Has Fallen มากอยู่ จึงสามารถสร้างความวินาศสันตะโรได้ถูกใจผู้ชม ได้มากกว่าผู้กำกับ Antoine Fuqua แห่ง Optimus Has Fallen  ไปในที่สุด(แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หนังจะทำออกมาไม่มันส์นะ)

สรุป : สรุปผลออกมาได้ดังนี้ While House Down ชนะ Optimus Has Fallen ไปอย่างหวิดหวิดด้วยผล ชนะ 2 เสมอไป 1 ซึ่งนี้ก็เป็นความคิดเห็นของผมเพียวๆ ดังนั้นบางคนก็อาจคิดเห็นแตกต่างกันไปก็ได้ แต่ถ้าหากดูเอาเพลินๆไม่ได้คิดอะไรมาก ทั้งสองเรื่องก็สนุกไม่แพ้กัน

 I Robot เมื่อหุ่นยนต์คิดการณ์ใหญ่!!!!





 โลกอนาคตในปี 2035 


ในตอนนี้โลกเต็มไปด้วยหุ่นยนต์ ซึ่งมีหน้าที่คอยรับใช้มนุษย์ในการทำงานต่างๆ ตั้งแต่เลี้ยงเด็กไปจนถึงการควบคุมเมืองทั้งเมือง ถึงแม้หุ่นยนต์จะมีอำนาจในชีวิตมนุษย์ขนาดนี้ แต่ในหุ่นทุกๆตัวมันก็ได้ถูกตั้ง"กฎสามข้อของหุ่นยนต์" (3 laws of Robotics) และหุ่นยนต์ก็ไม่สามารถละเมิดกฏทั้งสามข้อนี้ได้ กฏที่ว่านั้นก็คือ

1. หุ่นยนต์จะต้องไม่ทำร้ายมนุษย์ และจะนิ่งเฉยปล่อยให้มนุษย์เป็นอันตรายไม่ได้

2. หุ่นยนต์จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ เว้นแต่คำสั่งนั้นจะขัดกับกฎข้อ 1

3. หุ่นยนต์จะต้องป้องกันตัวเองให้พ้นจากอันตราย เว้นแต่การกระทำนั้นจะขัดกับกฎข้อ 1 หรือ 2

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อนักสืบ เดล สปูนเนอร์ (Will Smith) ได้พบเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับแผนร้ายของพวกหุ่นยนต์ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเขาเลยเพราะ ทุกคนเชื่อว่าหุ่นยนต์นั้นสมบูรณ์แบบและไม่มีทางที่จะทำร้ายมนุษย์ได้ แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันว่าจะเกิดขึ้น ก็ได้เกิด เมื่อพวกหุ่นยนต์ได้ลุกฮือกันขึ้นมาก่อกบฏ ?

หนังเรื่องนี้ก็มีประเด็นที่น่าสนใจให็พูดถึงอยู่หลักๆก็การยึดติดเทคโนโลยีของคนเราครับ จะเห็นว่าในเรื่องนี้ มนุษย์ทุกคน(ยกเว้นพระเอก)ล้วนเชื่อว่าหุ่นยนต์นั้นทำให้ชีวิตพวกเขาสุขสบายและพวกมันก็ไม่มีทางที่จะทรยศหรือทำร้ายเขาได้ และถึงแม้นักสืบเดลจะพยายามบอกว่าพวกมันนั้นสามารถก่อให้เกิดอันตรายได้แต่ก็กลับถูกหาว่าบ้าจนกระทั่งโดนพักงานไปในที่สุด

แต่สุดท้ายแล้วเราก็จะเห็นว่าหุ่นยนต์นั้น ไม่ได้สร้างมาเพื่อรับใช้มนุษย์ตลอดไปเพราะมันนั้นได้อัพเกรดโปรแกรมตัวเองขึ้นมาจนกระทั่งสามารถละเมิดกฏสามข้อได้ มันจึงเริ่มก่อกบฏและทำให้มนุษย์มาอยู่ใต้อำนาจพวกมัน

แน่นอนว่ามันสามารถก่อกบฏได้อย่างง่ายดายเพราะที่ผ่านมามนุษย์เรานั้น ล้วนไว้วางใจเทคโนโลยีจนเกินควร เห็นได้จากที่ให้หุ่นยนต์เข้ามาควบคุมสัญญานไฟจราจร กล้องวงจรปิด ควบคุมการผลิตหุ่นยนต์ จนไปถึงการควบคุมเมือง ?

หรือสิ่งที่หนังต้องการจะบอกก็คือคนเรานั้นไม่ควรยึดติดกับเทคโนโลยีจนเกินไปเพราะถึงแม้มันจะมีประโยชน์มาก

แต่มันก็มีโทษมากเหมือนกัน!!!

ไปยัง Diary ที่ 3 : The Shawshank Redemption  มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น